AI กำลังจะทำให้โปรแกรมเมอร์อย่างพวกเราตกงานหรือไม่?
สารบัญ
- การเปิดตัวของ ChatGPT โดย OpenAI และความสามารถที่โลกต้องกลัว
- รู้หรือไม่ว่า Google อาจจะกำลังกลัวสิ่งนี้
- อย่างไรก็ดี ChatGPT ดูเหมือนจะยังไม่ได้ให้คำตอบที่น่าเชื่อถือกับทุกเรื่อง
- AI เขียนโค้ดและตอบคำถามได้ขนาดนี้ เราจะตกงานกันไหม?
- AI ที่กำลังพัฒนาตัวเองอย่างตลอดเวลากับอนาคตที่จะถึงนี้ และผลกระทบต่อสายงาน Artist
- บทสรุป
ยาวไปไม่อ่าน: โดยสรุปแล้วปัจจุบัน AI ยังไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ยังไม่สามารถทำงานแทนคนทั่วไปได้ดีนัก และคนทั่วไปอย่างเราก็สามารถนำ AI มาใช้ประโยชน์ในการเรียนรู้ของตนเองให้เร็วกว่าเดิมอีกด้วย จึงยังเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ทุกคนเดินหน้าในสายอาชีพของตนได้ดีขึ้น เพียงแต่อนาคตเราอาจจะเห็น AI ฉลาดมากยิ่งขึ้นจนวันหนึ่งที่อาจจะทำให้บางสายงานมีความสำคัญน้อยลง เราจึงจำเป็นจะต้องปรับตัวและอัปเดตข้อมูลอยู่เสมอเพื่ออนาคตที่จะมาถึง
#การเปิดตัวของ ChatGPT โดย OpenAI และความสามารถที่โลกต้องกลัว
คงปฏิเสธไม่ได้กันเลยที่ช่วงนี้ AI ทุกด้านมาแรงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างล่าสุดการประกาศเปิดตัว AI Chatbot อย่าง ChatGPT ที่พัฒนาโดย OpenAI สามารถทดลองเล่นด้วยตนเองผ่านทาง https://chat.openai.com/chat
แต่ Chatbot ตัวนี้มีความพิเศษมากกว่าหลายๆตัว โดยปกติแล้วเวลาเราซื้อของผ่านออนไลน์เราอาจจะเจอแชทอัตโนมัติจากทางร้านค้า ที่คอยตอบเราทันทีว่าร้านค้ายังปิดอยู่ ขออนุญาตส่งแชทส่วนตัว วิธีการสั่งซื้อทำอย่างไร แอดมินกำลังจะมาตอบในไม่ช้า เป็นต้น ทั้งนี้ระบบแชทเหล่านั้นเป็นเพียงแค่แชทที่ถูกตั้งค่าไว้ให้การตอบตามเหตุการณ์ต่างๆมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน จึงไม่นับว่าเป็น AI แต่อย่างใดเพราะมีผลลัพธ์คงที่ ไม่สามารถพิจารณาจากคำพูดเราไม่ได้เลยว่าเราอยากจะทำอะไรกันแน่
แต่ถ้าเรามาลองสั่งให้ ChatGPT ทำสิ่งเหล่านี้ด้วย เราจะรู้สึกว่า มันน่าเหลือเชื่อมากที่สามารถสั่งให้ทำเหล่านี้ได้ เช่น การสั่งให้เขียนโค้ดขึ้นมาตามตัวอย่าง การขอคำแนะนำของโค้ดที่ต่างภาษากัน การสั่งให้แก้ไขปัญหาจากโค้ดที่มี การสั่งให้ตั้งชื่ออะไรบางอย่าง ช่วยให้แต่งนิทาน หรือค้นหาข้อมูลทั่วไปที่ก็สามารถเจอได้ตาม Google
ในระหว่างการใช้งาน ChatGPT เราอาจจะสังเกตว่าคำตอบค่อนข้างช้าในการพิมพ์ จริงๆแล้วผมคิดว่าคำตอบมันมาแล้ว แต่หน้าเว็บจะค่อยๆรับข้อความทีละตัวและค่อยๆแสดงผลอย่างช้าๆ เพื่อทำให้ User ทั่วไปอย่างพวกเราไม่ถามอะไรเร็วเกินไป เพราะเว็บนี้เปิดให้ใช้กันทั่วโลก จะได้ช่วยลดจำนวน Request ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่อาจจะทำให้เว็บไซต์ล้มหรือเกิดค่าใช้จ่ายสูงเกินไปได้ ดังนั้นหากเราไม่พอใจคำตอบในระหว่างรอสามารถกด New Chat เพื่อถามใหม่เลยได้ หรือระบบอาจจะยังไม่ดีมากนักหากคำตอบยาวเกินไปก็จะตัดการเชื่อมต่อ ทำให้ได้คำตอบไม่ครบถ้วน
#รู้หรือไม่ว่า Google อาจจะกำลังกลัวสิ่งนี้
เราที่เป็นโปรแกรมเมอร์อาจจะทราบกันดีว่า หากเราพบปัญหาอะไรก็ตามระหว่างพัฒนาโปรแกรมของเรา เราก็จะต้องค้นหาผ่าน Google และผลลัพธ์ส่วนใหญ่เราก็จะได้ Stack Overflow เข้ามาช่วยชีวิตเรา หรือเว็บบล็อกที่มีประโยชน์ต่างๆ แต่สำหรับบุคคลทั่วไปอาจจะเริ่มไม่ใช่ Google ในการค้นหาคำตอบ บางคนอาจจะเริ่มใช้ Facebook, YouTube, TikTok และอื่นๆในการค้นหาคำตอบมากขึ้น เพราะบางคำตอบมีความเห็นจากคนที่หลากหลายกว่า หรืออยู่ในรูปแบบของวิดีโอที่คนทั่วไปอาจจะอยากฟังมากกว่าอยากอ่าน
ที่น่าสนใจคือ ผู้บริหาร Google ออกมาพูดเองว่าบริษัทจะเริ่มขยับทิศทางไปอย่างระวัง เพราะการเปิดตัวของ ChatGPT และนอกจากนี้แล้วเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่ผมพบเจอมาด้วยตนเอง และทุกๆคนก็คงเช่นกัน ที่เราพยายามค้นหาคำว่า “ChatGPT” บน Google เราจะพบว่ามันหาข้อมูลยากมาก ทั้งๆที่ปกติแล้ว Google จะมีความสามารถในการหาข้อมูลค่อนข้างแม่นยำ อาจจะพอบอกได้ว่า Google กำลังกลัว ChatGPT อยู่จริงๆก็ได้ถึงขั้นที่ลดการค้นพบผ่านหน้าเว็บเขาเอง เพราะหากเราลองใช้ DuckDuckGo เป็น Web Search Engine อีกตัวที่มาแรง จะเห็นว่าเราค้นผลลัพธ์เจอได้แม่นมากกว่า
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า เราอาจจะกำลังมีบริการใหม่ๆที่แข่งขันกันเร็วขึ้น เพื่อให้การตั้งคำถามหรือขอความช่วยเหลือบางอย่าง อาจจะไม่ต้องถามคนแล้ว สามารถถามผ่าน AI แทนได้นั้นเองและอาจจะได้คำตอบที่น่าเชื่อถือมากกว่าด้วย ก็คงจะช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้นไปอีกในอนาคตนี้
#อย่างไรก็ดี ChatGPT ดูเหมือนจะยังไม่ได้ให้คำตอบที่น่าเชื่อถือกับทุกเรื่อง
เมื่อเราเข้าหน้าเว็บ ChatGPT สิ่งแรกที่เราควรอ่านคือ Limitations ซึ่งหมายถึงข้อจำกัด เขาได้บอกไว้สามข้อว่า “อาจจะให้คำตอบไม่ถูกต้อง” “อาจจะให้คำตอบที่ดูอันตรายหรือมีอคติ” และ “ยังมีความรู้ของโลกในช่วงก่อนปี 2021” ดังนั้นข้อมูลในปี 2022 อาจจะยังไม่มีหรือยังไม่ครบถ้วน
รวมทั้งคำตอบที่ได้มานั้นถ้าเราสังเกตดู เราอาจจะรู้สึกว่าบางทีก็ใช้ข้อมูลในเว็บไซต์ที่มีมากมายอยู่แล้ว เช่น “เราอยากจะรู้ว่า JavaScript ต่างกับ Java อย่างไร” ก็คงมีบทความให้เราอ่านมากมายทุกๆภาษา และแน่นอนว่าแต่ละเว็บไซต์ก็อาจจะให้ข้อมูลที่แตกต่างกัน เช่น “เราถามว่าภาษา C# กับ Java อะไรที่เร็วกว่ากัน?” ยิ่งเป็นคำถามแบบนี้อาจจะมีเนื้อหาที่ดูอคติได้ หรือมีผลวัดระดับความเร็วต่างช่วงเวลาต่างเวอร์ชั่นกัน ก็อาจจะมีผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน หรือเราสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับอาหารเสริมบางชนิด แต่ล่ะประเทศมีมาตรฐานการกำหนดจำนวนที่กินต่อวันก็ไม่เท่ากัน ที่ประเทศไทยเราอาจจะกินยาชนิดนี้ต่อวันได้ไม่เยอะก็ได้ ดังนั้นการค้นหาผ่าน Google ยังช่วยเรื่องที่เราจะเห็นข้อมูลได้หลากหลายมากกว่า 1 อย่าง ที่จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น ขณะที่ทาง ChatGPT จะยังให้ข้อมูลได้แค่ 1 อย่างเท่านั้น จึงไม่น่าเชื่อถือเสมอไป
และนอกจากนี้แล้ว Stack Overflow แบนคำตอบจาก ChatGPT ชั่วคราว เพราะให้คำตอบผิดมากกว่าตอบถูก นั้นอาจจะเป็นเพราะคำถามที่เกิดขึ้นบนเว็บ Stack Overflow ส่วนใหญ่เป็นคำถามที่ยาก หรือยังไม่มีคำตอบที่ถูกต้องมาก่อน เนื่องจาก ChatGPT ดูเหมือนจะยังคิดค้นอะไรใหม่ๆไม่เก่งนัก ส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลเดิมที่มีอยู่แล้วตามที่เขาก็บอกว่าหากเป็นเหตุการณ์หลังปี 2021 อาจจะยังไม่ทราบ ดังนั้นหากเรามีปัญหาทั่วไปจึงช่วยเหลือเราได้ทันที เพราะมีข้อมูลมาก่อนหน้านั้น ใครๆก็เคยเจอปัญหาแบบนั้นมาก่อน แต่ถ้าเริ่มเป็นคำถามที่ดูเหมือนจะแตกต่างไป เป็นคำถามที่ไม่เคยมีใครถามมาก่อน อย่างการพัฒนาโปรแกรมก็จะเกิดขึ้นบ่อยๆที่เป็นเรื่องคาดไม่ถึงต่างๆ ChatGPT อาจจะคงให้คำตอบไม่ถูกต้องนั้นเอง
#AI เขียนโค้ดและตอบคำถามได้ขนาดนี้ เราจะตกงานกันไหม?
คำตอบนี้ยังเป็นเรื่องที่ต้องสงสัยในอนาคต พูดตามตรงผมก็แอบกลัวเหมือนกันที่ AI คงจะเริ่มแทนที่อะไรบางอย่างมากขึ้น แต่ปกติเราที่เป็นมนุษย์เกิดมาในยุคทุนนิยมแบบนี้ก็ต้องปรับตัวอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเหตุการณ์เหล่านี้ที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโปรแกรม เป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่บังคับให้ผู้คนต้องตกงานหรือเปลี่ยนงานใหม่ เช่น
- คนรับถ่ายและร้านถ่ายรูปมีงานน้อยลง เพราะยุคนี้ทุกคนเริ่มมีกล้องเป็นของตัวเองจาก Smartphone เนื่องจากสมัยก่อนการมีกล้องถ่ายรูปเป็นของแพง และไม่ได้ถ่ายบ่อยก็อาจจะไม่คุ้ม จึงต้องจ้างคนถ่ายรูปมาแทน รวมถึงการล้างฟิล์มเพื่อทำเป็นรูปจริงก็ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ สมัยนี้เราสามารถเก็บภาพความจำลงอินเทอร์เน็ตหรืออุปกรณ์ส่วนตัวเราเองได้ ร้านแบบนี้อาจจะต้องปรับตัวรับถ่ายงานตาม Event ใหญ่ๆแทน เช่น งานแต่ง งานบวช งานรับปริญญา
- ร้านเกมหรือร้านบริการอินเทอร์เน็ตต่างพากันปิดร้านหมด สมัยก่อนคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเป็นของมีราคาแพง จึงไปเช่าเพื่อเล่นชั่วคราว และนัดพบปะกับเพื่อนได้ ในทุกวันนี้เราสามารถเล่นเกมกับเพื่อนผ่านออนไลน์ได้ทุกที่ มือถือมีราคาถูกมากที่ใครๆก็เข้าถึงได้ ค่าบริการอินเทอร์เน็ตก็ไม่แพงเท่าเมื่อก่อน จึงทำให้หมดยุคร้านเกมไปแล้ว ร้านเกมอาจจะต้องปรับตัวไปขุดเหมือง Cryptocurrency หรือขายอุปกรณ์ทั้งหมดและเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น
- สายงานกราฟฟิคหรือตัดต่อวิดีโอที่อาจจะมีงานน้อยลง เพราะการมาของ TikTok ที่สามารถสร้าง Content แบบวิดีโอได้อย่างง่าย หรือการมาของ Canva ที่ทำให้เราสามารถออกแบบรูปภาพด้วยตนเองผ่านออนไลน์อย่างง่ายได้และมีแบบฟรี เพื่อลดต้นทุนของเจ้าของกิจการ ที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้ Abobe Photoshop ในการทำงานเนื่องจากมีค่าลิขสิทธิ์ จึงจำเป็นต้องจ้างผู้อื่นมาทำให้แบบในอดีต แต่สายงานนี้ถือว่าไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
- YellowPages หรือสมุดหน้าเหลืองที่หายไป ไม่รู้มีใครเกิดทันหรือไม่ เป็นหนังสือรวมเบอร์โทรศัพท์และสถานที่เรียกใช้บริการต่างๆ ที่ก็คงถูกแทนที่ด้วย Google นั้นเอง ยุคนี้ที่มีอินเทอร์เน็ตเวลาเราจะจ้างใครมาทำอะไรก็ตาม ก็สามารถหาผ่านออนไลน์แทนได้ทั้งหมด และสะดวกกว่ามากเพราะค้นหาเจอบริเวณใกล้เคียงได้เร็วกว่า
- สมุดแคตตาล็อก ที่หายไปที่ผมเองจำรายละเอียดไม่ค่อยได้นักอาจจะเล่าไม่ถูกก็ได้ แต่สมุดนี้เหมือนเราจะได้จากหน้าบ้านเองเลยโดยมีคนอาจจะใส่ไว้ในตู้จดหมาย หรือต้องโทรสั่งจากการค้นพบตามหนังสือพิมพ์ หนังสือการ์ตูน สมุดนี้จะเต็มไปด้วยรายการสินค้าเล็กๆน้อยๆที่เราจะต้องจ่ายเงินผ่านไปรษณีย์ไทย จากนั้นเราจะได้สินค้ามาที่บ้านพร้อมกับสมุดแคตตาล็อกชุดใหม่อีกครั้ง ก็คือการ Shopping Offline แบบหนึ่งในอดีตที่เราอยู่บ้านก็ได้สินค้า แต่ปัจจุบันที่เป็นการ Shopping Online กันหมดแล้วที่เราค้นหาสินค้าอะไรก็ได้ทั่วโลก จึงทำให้สมุดนี้หายไปตลอดกาล
จากการยกตัวอย่างเหตุการณ์ข้างต้น เราอาจจะเห็นได้ว่าในทุกๆปี จะมีบางอย่างหายไป จะมีบางอย่างมาแทนที่ใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเทคโนโลยี มีอะไรสะดวกกว่า มนุษย์ก็จะเปลี่ยนไปใช้สิ่งนั้น ดังนั้นที่เราอาจจะรู้สึกกลัวได้คือ แล้วถ้า AI มันเขียนโค้ดได้เหมือนโปรแกรมเมอร์ขึ้นมาล่ะ? ใช่ครับเราอาจจะตกงานกันหมดก็ได้ แต่ในวันนี้มันยังเป็นแค่เครื่องมือ แถมเราก็เห็นแล้วว่า Stack Overflow ถึงขั้นขอแบนคำตอบจากทางนี้ชั่วคราว เพราะยังให้คำตอบไม่ถูกต้องบ่อยครั้ง ดังนั้นปัจจุบันเราวางใจได้ เราจะไม่ตกงานจาก AI อย่างแน่นอน 100% แถมเป็นเครื่องมือที่อาจจะช่วยให้เราทำงานได้ง่ายมากขึ้นครับ
#AI ที่กำลังพัฒนาตัวเองอย่างตลอดเวลากับอนาคตที่จะถึงนี้ และผลกระทบต่อสายงาน Artist
อย่างไรก็ดีถึงผมจะพูดว่าตอนนี้เราไม่ตกงาน 100% แต่ผมก็ไม่รู้อนาคตที่จะมาถึงเช่นกัน ว่า AI จะไปได้ไกลขนาดไหน ดังนั้นผมจึงพยายามได้บอกไปว่า เทคโนโลยีมีผลต่อสายงานอาชีพกันทุกคน หากเราตามไม่ทัน เราอาจจะเหมือนร้านอาหารที่ยังไม่ยอมรับการชำระเงินผ่านออนไลน์หรือพร้อมเพย์ก็ได้ และอาจจะสร้างความไม่สะดวกแก่บางคนจนเสียลูกค้าบางส่วนไป
ดังนั้นเราที่เป็นโปรแกรมเมอร์ หากเราไม่คิดค้นอะไรใหม่ๆ ไม่ปรับตัวตามภาษาโปรแกรมที่ก็พัฒนาไปอย่างตลอดเวลา เราก็อาจจะเป็นที่ต้องการน้อยลงทำให้เรามีโอกาสตกงานในอนาคตได้อยู่ดีนั้นเอง โดยไม่เกี่ยวกับ AI อะไรเลย เพราะอาจจะมีคนตกงานจากการไม่ยอมเรียนรู้ภาษาใหม่ๆก็ได้เช่นกัน เช่น สายงาน Frontend บางคนยังคงใช้ jQuery อยู่ ขณะที่มีบริษัทน้อยลงมากๆที่จะรับทางนี้ เริ่มเน้นไปทาง React, Angular หรือ Vue มากขึ้น ก็จะมีทางเลือกการเข้าทำงานกับบริษัทชั้นนำน้อยลง เป็นต้น จริงอยู่ว่าภาษาโปรแกรมเก่าๆก็อาจจะยังมีบางบริษัทเลือกใช้กัน แต่บริษัทใหม่ๆก็คงไม่ได้ใช้อีกแล้วก็ได้นั้นเอง
ปัจจุบันจะมีที่น่าสนใจอย่าง AI วาดรูปของ Midjourney หรือ NovelAI จะเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราเองก็แยกไม่ออกเลยว่าเป็นภาพวาดจริงหรือภาพวาดจาก AI กันแน่
ในตรงนี้ผมเองที่ก็เคยชอบแต่งนิยายมาก่อน ก็รู้สึกว่าถ้าผมอยากจะทำเป็นหนังสือการ์ตูน ก็คงสามารถเริ่มทำจริงได้ขึ้นมา ทั้งๆที่ผมวาดรูปไม่เป็นด้วยซ้ำ จึงทำให้สายงานวาดรูปดูน่าเป็นห่วงจริง อาจจะต้องพัฒนาตัวเองให้วาดรูปได้ทรงสเน่ห์มากกว่าที่ AI วาดออกมาให้ได้ หรือเราอาจจะนำ AI ที่วาดออกมาแล้ว ตกแต่งดัดแปลงเพิ่มเติม ให้ดูเป็นงานที่เหมาะกับเรามากขึ้น บางคนจึงอาจจะไม่ได้ตกงานอะไร อาจจะกลายเป็นเครื่องมือช่วยให้ทำงานสำเร็จได้ง่ายขึ้นก็ได้
นอกจากนี้สายญี่ปุ่นที่ดูอนิเมะกันอยู่แล้ว เราอาจจะเห็นผลงานที่ถูกสร้างจาก AI มากขึ้นที่อาจจะทำให้เราได้อนิเมะที่มีภาพสวยกว่าเดิมก็ได้เช่นกัน อย่างวิดีโอตัวอย่างที่เปลี่ยนจาก Miku Hatsune 3D กลายเป็น 2D ได้ด้วย ที่เราก็น่าจะรู้สึกว่าคงช่วยลดขั้นตอนการสร้างอนิเมชั่นบางส่วนได้ดีเลย แต่ดูเหมือนน่าจะต้องพัฒนากันอีกเยอะเลย
#บทสรุป
ในตอนนี้เรากำลังเห็นว่า AI จะยิ่งน่าสนใจมากขึ้นทุกวัน แต่เชื่อหรือไม่ว่าผมเองก็เป็นครูสอนสายงาน Full-stack Web Development แต่กลับไม่มีความรู้เรื่องการพัฒนา AI ใดๆเลย คือผมเองก็อยู่ในฐานะผู้ใช้งานและผู้ติดตามที่เป็นโปรแกรมเมอร์คนนึง เนื่องจากถ้าพูดอย่างตามตรงเลย ผมมองว่าสายงานนี้ยากอย่างมากที่จะสร้าง AI เป็นของตัวเองได้ขึ้นมาจริง ส่วนใหญ่ก็คงจะเป็นเลือกใช้งาน API จาก Open Source ของผู้อื่น หรือยอมจ่ายค่าบริการเพื่อใช้งานของเขามากกว่า คงไม่ได้ทำเอง ผมจึงยังไม่ศึกษาที่จะพัฒนา AI ด้วยตนเอง แต่เลือกที่จะศึกษาว่าเราจะนำบริการที่มีอยู่แล้ว ไปใช้ประโยชน์อะไรกับงานของมากกว่าแทน
นั้นก็เลยหมายความว่า ผมยังไม่มีคอร์สเรียนแนะนำที่ชัดเจนสำหรับการพัฒนา AI เป็นของตัวเองนั้นเองครับ และคงแนะนำผู้อื่นไม่ได้แล้ว อาจจะพอบอกได้ว่ามีที่เว็บ https://github.com/amusi/awesome-ai-awesomeness จะมีเรื่องราวที่น่าสนใจที่เราจะต้องศึกษาด้วยตนเองต่อได้ ของผมจะมี คอร์สเรียนทั้งหมดสอนสำหรับสายงานพัฒนาเว็บ เป็นหลัก ที่ก็อาจจะยืม AI ของใครสักคนมาใช้เพื่อทำให้เว็บไซต์ของผม ดำเนินกิจการต่างๆได้สะดวกมากขึ้นแทนนั้นเอง
อย่างในตอนนี้ AI Code ได้จริงๆก็จะมีอย่าง GitHub Copilot หรือ Tabnine ที่เมื่อเราพิมพ์โค้ดไปนิดนึง AI ก็อาจจะแนะนำให้ว่าเราอยากจะพิมพ์แบบนี้หรือไม่ ส่วนตัวค่อนข้างประหลาดใจกับบางครั้งที่มันสามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำ แต่บางครั้งก็ไม่ จึงทำให้ผมเองที่ก็พิมพ์ดีดเร็วและมีโค้ดในหัวอยู่แล้วก่อนเขียนโดยส่วนใหญ่ อาจจะหลุดโฟกัสกับสิ่งที่ควรเขียน เครื่องมือ AI เหล่านี้ผมเลยยังมองว่าเหมาะกับมือใหม่ซะโดยส่วนใหญ่ รวมถึงภาพวาดจาก AI ต่างๆ คนที่วาดรูปเก่งแล้วเขาอาจจะมีรูปอยู่ในหัวโดยไม่ต้องไป Generate เพื่อหาไอเดียใหม่ก็ได้ ผมเองก็เช่นกันที่ตอนจะเขียนโค้ดคงไม่ต้องให้ AI แนะนำเท่าไหร่สำหรับงานที่ผมทำจนเซียนหมดแล้ว ก็อาจจะยกเว้นว่าผมกำลังศึกษาภาษาโปรแกรมใหม่ๆ ผมจะเลือกซื้อมาใช้งานอยู่ดีครับ
ก็อย่างที่ได้บอกไว้ทั้งหมด เราไม่ควรประมาท AI จริงๆ วันใดวันหนึ่งมันอาจจะเป็นมากกว่าแค่เครื่องมือ แต่อาจจะแทนที่เรา และเราก็คิดอย่างเดียวว่าจะใช้ไปทำประโยชน์อะไรนั้นเองครับ
เพราะอะไรผมถึงมองว่าการเรียน JavaScript ถึงได้เปรียบมากกว่าเรียนภาษาอื่นๆ บทความถัดไป ➡️
อยากเริ่มต้นพัฒนาโปรแกรม เริ่มอย่างไรดี?
เกี่ยวกับผู้เขียน
นคร สินผดุง (Nakorn Sinpadung)
โปรแกรมเมอร์มืออาชีพ
- ปัจจุบันเป็นติวเตอร์ออนไลน์ สอนพัฒนาโปรแกรม
- ปัจจุบันเป็นพนักงานประจำระดับ Senior Programmer ที่ CareerVisa Digital
- มีประสบการณ์ทำงานจริงในบริษัทต่างๆมากกว่า 4 ปี
- มีประสบการณ์สอนผ่านออนไลน์นานกว่า 6 ปี